จังหวัดชุมพร เปิดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง
สืบสานมรดกวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 ณ สนามแข่งขันกลางภาคใต้แม่น้ำหลังสวน
ท่าน้ำวัดด่านประชากร อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร นายณรงค์ พลละเอียด
ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิด งานประเพณีแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธง
ชิงโล่และถ้วยพระราชทาน มรดกวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร ประจำปี 2560
ซึ่งกำหนดจัดเป็นงานประเพณี
ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี
เพื่อสืบสานมรดกวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน โดยเป็นการแข่งขันเรือยาว
ที่ใช้พละกำลังของฝีพาย พร้อมกับความสามารถของนายหัวเรือ
ขึ้นโขนเรือไปชิงธงที่เส้นชัย ซึ่งหาดูได้ยาก
และเป็นประเพณีและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของ ชาวอำเภอหลังสวน ได้มีการสืบทอดกันมา
อย่างน่าภาคภูมิใจ โดยในปีนี้ได้ดำเนินการแข่ง ในระหว่างวันที่ 4 - 13 พฤศจิกายน 2560
นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า
การดำเนินชีวิตของคนไทยในอดีต มีความผูกพันกับสายน้ำมาเนิ่นนาน
ในช่วงเทศกาลทอดกฐิน คนหนุ่มสาว คนแก่ คนเฒ่าตามหมู่บ้าน
จะร่วมแรงร่วมใจกันตกแต่งเรือองค์กฐิน ไปทอดตามวัดวาอารามต่าง ๆ
ซึ่งวัดส่วนใหญ่จะตั้งริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อทอดกฐินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็จะมีการเล่นเรือเพลง และลงท้ายด้วยการพายเรือแข่งกัน
และการแข่งขันเรือยาวนี้เริ่มมีในท้องถิ่น สันนิษฐานว่า เกิดขึ้นราว พ.ศ. 2387
ในสมัยรัชกาลที่
3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ประเพณีการแข่งขันเรือยาวของหลังสวนเริ่มในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11
ซึ่งเป็นวันออกพรรษาของทุกปี
ต่อมา ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานโล่รางวัลชนะเลิศการแข่งขัน
และโล่รางวัลชนะเลิศประกวดเรือประเภทสวยงามจาก พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 9 และพระบรมศานุวงศ์ ซึ่งในปัจจุบัน ได้จัดมาเป็นปีที่ 174 ซึ่งชาวอำเภอหลังสวน
ได้รักษาประเพณี "ขึ้นโขนชิงธง" จนได้รับ ธง “UNSEEN THAILAND” จาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จนเป็นที่รู้จัก
ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
สำหรับกฎ กติกา การแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธงที่หลังสวน
จะตัดสินกันที่ใครชิงธงไปครองได้จะถือว่าชนะ
ความสนุกสุดมันอยู่ในช่วงที่เรือแล่นเบียดมาพร้อมกัน
นายหัวเรือลำที่ขึ้นโขนแล้วการกระชากธงไปครอบครองได้
ถือว่าเป็นฝ่ายชนะหรือบางทีนายหัวเรือที่คว้าธงมาได้แล้ว
แต่พลาดตกน้ำก็กลายเป็นแพ้ไปทันที
ส่วนคู่ไหนที่นายหัวเรือคว้าธงไปครองได้ทั้งคู่ก็ถือว่าเสมอกัน
ธนากร โกศลเมธี รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น