ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช นำทัพพรรคเพื่อชาติลุยชุมพร ชูประมงเชิงการท่องเที่ยวสร้างรายได้ชุมชน ช่วย “นายกก้าน”หาเสียง
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 5 พ.ค.66 ที่หน้าเทศบาลเมืองชุมพร จ.ชุมพร พรรคเพื่อชาติจัดเวทีปราศรัย โดยมีแกนนำร่วมขึ้นบนเวที ประกอบด้วย น.ส.ปวศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรค ดร.ยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช แคนดิเดทนายกพรรคเพื่อชาติ ร.ต.อ. ดร. นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ ร.อ. ดร. จารุพล เรืองสุวรรณ ประธาน ยุทธศาสตร์ และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วยนายกรรภิรมย์ กุยุคำ ผู้สมัครส.ส. เบอร์ 6 เขต 1 จังหวัดชุมพร ปราศรัยใหญ่โดยมีประชาชนเดินทางมาร่วมรับฟังกว่า 15,000 คน
ร.ต.อ. ดร. นิติภูมิธณัฐ ขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า วันนี้ไม่รู้กฎหมายบ้านเมืองเป็นอย่างไรอยากรู้ลองไปดูสวนทุเรียนที่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด ที่ทุกวันนี้กลายเป็นของคนจีนไปหมดแล้ว และไม่ว่าคนไทยจะดูแลรดน้ำพรวนดินให้ดียังไงแต่เจ้าของสวนก็เป็นคนจีนไม่ใช่ของคนไทย ส่วนเรื่องการส่งออกก็มีล้งมากมายกว่า 400 ล้งแต่เจ้าของก็ไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนจีนทั้งนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมื่อ 8-9 ปีก่อน การที่คนจีนจะมาติดต่อเพื่อขอซื้อทุเรียนหรือส่งออกทุเรียนต้องเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อทำตามขั้นตอนแต่ทุกวันนี้ไม่ได้เป็น อย่างนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดทำอะไรไม่ได้เลยเพราะว่าถ้ามีอะไรติดขัดก็จะมีเส้นสายไปถึงในทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้มาเร่งแก้ปัญหาวิ่งเต้นทุกอย่างจนไม่ต้องสนใจขั้นตอนกฎหมายอะไรแล้วถ้ายังขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้คนไทยก็จะเป็นเจ้าของสวนทุเรียนแค่เพียงในนามแต่ เจ้าของสวนจริงๆล้วนเป็นคนจีนเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้นแล้วเราจะยอมให้เป็นอย่างนี้หรือเพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นก็เลือกตัวแทนจากพรรคเพื่อชาติเข้าไปสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อไปปรับเปลี่ยนนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องให้ประชาชนชาวสวนชาวไร่ได้อยู่ดีกินดีลืมตาอ้าปากได้ไม่ต้องเป็นทาสนายทุนอีกต่อไป
ด้าน นายยงยุทธ กล่าวถึงเรื่องการประมงในประเทศไทยว่าที่ผ่านมาพวกมีอำนาจใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยวิธีการโง่ๆ ไม่พูดความจริงกับประชาชนบอกให้เลิกไปบ้างเดี๋ยวจะซื้อเรือคืนบ้างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้ประชาชนสักอย่างชาวประมงก็เป็นคนรับเคราะห์รับกรรมไป จากนี้ไปถ้าบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเราจะตั้งคณะกรรมการไปเจรจาต่อรองกับเขาว่าเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้นำไปสู่การทำประมงแบบสากลแต่วันนี้ชาวประมงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเรื่องการแพร่ระบาดจากโควิดขอให้ได้ใช้สิทธิบัตร 10 ปีเหมือนกับ ต่างประเทศได้หรือไม่เพื่อให้ชาวประมงลืมตาอ้าปากได้ก่อนหลังจากที่หยุดชะงักไปเพราะปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจนชาวประมงแทบล้มละลายต้องขายเรือไปก็หลายครอบครัว
“ไม่ใช่แค่เรื่องประมงแต่ยังมีเรื่องผลิตผลทางการเกษตรรวมถึงอาหารทะเลที่ไม่มีการต่อยอดนำไปขายแบบส่งๆทั้งที่ควรจะบริหารจัดการทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มซึ่งพรรคเพื่อชาติมีแนวนโยบายในเรื่องนี้ที่ต้องการจะเพิ่มมูลค่าเพิ่มทั้งผลผลิตทางการเกษตรหรือแม้กระทั่ง อาหารทะเลสดๆที่จับขึ้นมาจากทะเลก็สามารถนำมาเพิ่มมูลค่าเพิ่มและการประมงก็จะไม่ใช่การประมงธรรมดาแต่จะเป็นการประมงเชิงท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้รวมทั้งเรื่องโฮมสเตย์ในพื้นที่ไร่พื้นที่สวนหรือบนเรือก็สามารถทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชาวประมงได้ด้วย
ซึ่งเรื่องเหล่านี้พรรคเพื่อชาติมีนโยบายที่จะทำให้พี่น้องเกษตรกรและชาวประมงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่ลำบากยากแค้นจนแทบจะอดตายเหมือนตอนนี้ เช่นเดียวกับเรื่องยางพาราก็เคยมาหาเสียงบอกจะปรับขึ้นราคาน้ำยางเท่านั้นเท่านี้สุดท้ายพอทำไม่ได้ก็หายหน้าเงียบไปแล้วก็ปล่อยให้ชาวสวนยางพาราต้องตกระกำลำบากกับราคายางที่ตกต่ำลงทุกวัน ช่วงหลังก็มีการมาพูดเรื่องปรับราคาค่าแรงขั้น
ต่ำเพื่อหาคะแนนเสียงในช่วงที่จะเลือกตั้งพี่น้องประชาชนจะเชื่อได้หรือเปล่าคงไม่ต้องให้ใครมาบอกเพราะก็เห็นกันอยู่แล้วที่ผ่านมาบอกว่าจะขึ้นก็ไม่ขึ้นให้จริงคนที่ได้รับประโยชน์ทุกอย่างค่าแรงไม่ได้ขึ้นแต่ข้าวของแพงขึ้นนายทุนเท่านั้นที่รวยเจ้าสัวเท่านั้นที่รวยแต่คนชนชั้นแรงงานหรือมนุษย์เงินเดือนก็ยังคงได้ค่าแรงเท่าเดิมแต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยพรรคเพื่อชาติจึงต้องการที่จะเข้ามาปฏิวัติเขียวปฏิวัติทุกอย่างทั้งระบบเกษตร เศรษฐกิจ สังคม ให้ทุกคนมีความเท่าเทียม
เกษตรต้องนำตลาดเพื่อทำให้ประเทศกลายเป็นครัวขนาดใหญ่ของโลก ส่วนชนชั้นแรงงานหรือมนุษย์เงินเดือนก็ต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเงินค่าแรงเงินค่าจ้างหรือเงินเดือนต้องเพียงพอกับค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นทาสแรงงานไม่ต้องเป็นทาสของนายทุนอีกต่อไป” นายยงยุทธกล่าว
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น