ชุมพร-สมาพันธ์รังนกนานาชาติ ยืนยัน
ชาวจีนยังนิยมบริโภครังนกไทย ทั้งรังถ้ำ รังบ้าน แต่ติดขัดการผูกขาดส่งออก
วันนี้( 1 มิ.ย. 2561) นายจงเจี่ยนหมิง
ประธานสมาพันธ์รังนกนานาชาติและประธานสมาคมยา นายหลินกั๋วเชา
รองประธานสมาพันธ์รังนกนานาชาติ นายหวังฮุ่ยน่า รองประธานสมาพันธ์รังนกนานาชาติ
นายหวังเยี่ยเจียง รองประธานสมาพันธ์รังนกนานาชาติ และคณะ พร้อมด้วย นายอนันต์
จองศักดิ์เจริญกุล
รองประธานสมาพันธ์รังนกนานาชาติและประธานสมาคมผู้ประกอบการรังนกแอ่นประเทศไทย
ได้เดินทางตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการรังนก ในพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพรโดยมี
นายชาญวิทย์ ทิพย์มณี ประธานชมรมนกแอ่น จ.ชุมพร นายยอดชาย ศศิธร
ที่ปรึกษาชมรมนกแอ่น จ.ชุมพร ด.ต.นิธิศ เพชรดำ นายกเทศมนตรีตำบลท่าแซะ
ให้การต้อนรับ
นายจงเจี่ยนหมิง ประธานสมาพันธ์รังนกนานาชาติและประธานสมาคมยา กล่าวว่า
สมาพันธ์รังนกนานาชาติ มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรังนก
ทุกระดับของผู้ประกอบการอิสระและกลุ่มสังคม ในการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อเยี่ยมชม
เพื่อทำความเข้าใจ และส่งเสริมอุตสาหกรรมรังนกไทย เป็นการกระชับมิตร
และเป็นการแลกเปลี่ยนการค้าระดับประเทศ อันจะสามาถผลักดันรังนกไทย สู่ตลาดประเทศจีนได้อย่างยั่งยืนได้
“ในฐานะประธานสมาพันธ์รังนกนานาชาติ มีตั้งใจ
มีความมุ่งมั่นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรังนก ทุกระดับของผู้ประกอบการ
ทั้งอิสระ และเป็นกลุ่มคณะ ของทุกๆชาติทั่วโลก
โดยเฉพาะประเทศไทยและที่จังหวัดชุมพร การเดินทางมาครั้งนี้
นอกจากจะมาเพื่อเยี่ยมชม ก็จะเป็นโอกาสในการทำความเข้าใจ ร่วมกัน
เกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมรังนกของไทย ให้เป็นแบบการกระชับมิตร
และนำไปสู่การแลกเปลี่ยนการค้าระดับประเทศ จนสามาถผลักดันรังนกไทย
สู่ตลาดโลกอย่างประเทศจีนได้ในที่สุด เพราะความต้องการของผู้บริโภคที่จีนยังมีอยู่มาก
แต่มีข้อจำกัดที่ประเทศไทย คือ มีเพียง 2 บริษัทเท่านั้นที่ส่งออกไปโดยตรง
หากมีการเพิ่มโอกาสทางค้าอย่างเสรี
ก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของรังนกไทยมากขึ้นด้วย
ที่ผ่านมาติดเงื่อนไขในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก็อยู่ระหว่างผลักดันในส่วนนี้อยู่
หากแก้ไขได้ การค้ารังนกของไทยก็จะเสรีมากยิ่งขึ้น ” นายจงเจี่ยนหมิง กล่าว
“
การเดินทางมาในครั้งนี้ ของสมาพันธ์รังนกนานาชาติ
ก็เพื่อมารับทราบสภาพปัญหาสถานการณ์รังนกไทย ว่าทำไมไม่สามารถส่งออกได้อย่างเสรี
เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเราก็ได้พบว่า ประเทศไทย มีรังนกกว่า 100 ตัน
แต่ไม่สามารถส่งออกได้อย่างเสรี โดยส่งออกไดเพียง 100-200 กก.ต่อเดือนเท่านั้น
และจะต้องส่งออก ผ่าน 2 บริษัทเท่านั้น คือ
บริษัทสยามรังนกทะเลใต้ และบริษัทสยามอินเตอร์เนชั่นแนลรังนก เราก็ยังพบอีกว่า
มีรังนกถ้ำ หรือรังนกเกาะ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปัจจุบัน มีรังนกบ้าน
ซึ่งยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่สามารถส่งออกได้
ทำให้มีการซื้อขายในตลาดใต้ดินแทน สมาพันธ์รังนกนานาชาติ ขอยืนยันว่า
ผู้บริโภคชาวจีนยังเชื่อมั่นรังนกไทย ทั้งรังนกถ้ำ และรังนกบ้านที่มีราคาถูกกว่า
เช่นเดิม โดยเฉพาะความต้องการของตลาดจีนอยู่ที่ 80 ตัน ต่อปี ดังนั้น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว
อนาคตรังไทยก็จะกลับมาสดใสอีกครั้ง ”
นายอนันต์ กล่าว
ธนากร โกศลเมธี รายงาน / ชุมพร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น