ชุมพร - 40 วันทีที่รอคอยน้องชาย เจ้าของสนามชนไก่หายตัวปริศนา พี่ชายเสี่ยขนบ เข้าพบ ผบก.ภ.จว.ชุมพร
ผบก.ภ.จว.ชุมพรแจ้งความคืบหน้าประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ จะติดตามตัวคนร้ายปิดคดีได้ในเร็ววัน
นายสำราณ สมหวังนำญาติพี่น้อง เข้าทวงถามถึงความคืบหน้า กรณี เสี่ยขนบเจ้าของสนามชนไก่ในพื้นที่อำเภอสวี จ.ชุมพรหายตัวไปนาน 40 วัน พบแต่รถคู่ใจไปถึงชายแดน แต่คดีเงียบ
วันที่ 11 มี.ค.67 เวลา 09.30 นายสำราญ สมหวัง พี่ชายของนายขนบ พร้อมญาติพี่น้อง เดินทางไปยังศูนย์ราชการสามแก้ว ตำบลนาชะอัง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ที่ตั้งสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร เพื่อพบกับ พล.ต.ต.ภานุเดช ณ พัทลุง ผู้บังคับการตำรวจภูธร(ผบก.)จังหวัดชุมพร สอบถามความคืบหน้า เกี่ยวกับคดีที่นายขนบ สมหวัง น้องชายและเป็นเจ้าของสนามชนไก่ได้หายตัวไปพร้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ เมื่อ 40 วันที่ผ่านมาแต่รถสามารถติดตามมาได้ส่วนนายขนบ ยังไม่พบตัว เรื่องยังเงียบ ไม่รู้น้องชายเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่รู้จะพึ่งพาใครนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจถ้าเรื่องยังเงียบ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่ามีการจับตัวผู้ต้องหาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ราย แต่ก็ยังสาวไปไม่ถึงตัวผู้กระทำความผิด
นายสำราญฯพี่ชายผู้สูญหาย กล่าวหลังจากได้รับการชี้แจงของผู้การฯตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรว่า “ตนเองรู้สึกดีใจชื้นมาอีกนิดที่ตำรวจยังติดตามอย่างต่อเนื่องของผู้กระทำความผิด พร้อมกับให้กำลังใจบอกว่าตำรวจไม่เคยลดละติดตามผู้ร้าย ก่อนหน้านี้ตนเองคิดว่าเรื่องคงเงียบ แต่หลังจากได้รับคำชี้แจงแล้วเชื่อประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ว่าจะติดตามตัวคนร้ายปิดคดีได้ในเร็ววันขอบคุณตำรวจทุกคน ส่วนปมเหตุพี่น้องชายผู้สูญหายเชื่อเป็นเรื่องส่วนตัวว่า “เกิดจากเรื่องปัญหาครอบครัว” รับแจ้งว่า ในขณะนี้ยังไม่ชี้ชัดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าผู้สูญหาย หายไปด้วยสาเหตุใด เนื่องจากไม่ยังไม่พบตัว และคำให้การของภรรยาที่เหตุผลของนายขนบหายตัวไปซึ่งเก็บไว้ในสำนวนแล้ว ส่วนว่าจะรับฟังได้ขนาดไหนต้องมาวิเคราะห์อีกที ขณะนี้จับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย มีผู้หญิงที่เกี่ยวข้องคดี 1 ราย เป็นชาย 3 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกลุ่มของผู้รับซื้อขายรถ”
พล.ต.ต.ภานุเดช ฯได้พูดคุยกับกลุ่มญาติเจ้าของสนามชนไก่ ผู้สูญหายเพื่อคลายข้อสงสัยพร้อมกับชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวได้ติดตามการทำข่าวความคืบหน้าในครั้งนี้ด้วยว่า “กว่า 1 เดือนที่นายขนบหายตัวไปนั้น ทางการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อย 5 คน ทราบว่าต่างคนต่างแบ่งหน้าที่กันทำ แต่สำหรับตัวผู้สูญหายทางตำรวจยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด และยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เนื่องจากว่าไม่พบศพ ฉะนั้นตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนกันต่อ ส่วนในเรื่องของรถซึ่งเป็นวัตถุของกลางในคดีได้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องไปทั้งหมดแล้ว
ส่วนความคืบหน้าในเรื่องของการตามหาตัวคนหายทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคระทำงานลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คืบหน้าก็จะรายงานให้ทราบต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหา 5 คนไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวพันส่วนตัวกับผู้สูญหาย แต่มีเรื่องความเกี่ยวเนื่องกับการครอบครองรถในห่วงเวลานั้นและสถานที่ต่างๆนั้น ก็ปรากฏตามพยานหลักฐาน ส่วนที่ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจะติดต่อกับผู้สูญหายนั้นตรวจสอบไม่มี
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น