ชุมพร - ลูกชาย วอนขอ ตร.เร่งจับคนร้าย ฆ่าสองตายาย หลังตกเป็นจำเลยสังคม
จากกรณี 2ตายาย นางสาวล้วน เจียมวิจิตร อายุ 89 ปี และนายเจื้อง เจียมวิจิตร อายุ 85 ปีสองพี่น้องวัยชรา ถูกคนร้ายตีด้วยของแข็งจนเสียชีวิต ในสภาพเปลือยกาย แล้วซ่อนอำพรางศพไว้ในบ่อหน้าบ้าน พื้นที่ หมู่ที่ 10 ตำบลนาพญา อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพรสันนิฐานว่าทั้ง 2 เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน ก่อนที่จะมีคนมาพบศพ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ลูกชานของคุณตาร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนฆ่าพ่อและป้า ขอให้ตำรวจเร่งคลี่คลายคดี หลังตนตกเป็นจำเลยสังคม และชาวโซเชียวมานับเดือน พร้อมชี้แจงประเด็นที่ดินมรดก ตามที่ปรากฏตามข่าวก่อนหน้านี้ว่าไม่เป็นความจริง ระบุที่ดังกล่าวซื้อต่อมาจากป้าด้วยเงินจำนวน 2 แสนบาท ก่อนที่จะขายต่อ
ผู้ข่าวลงพื้นที่ บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านควน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร พบกับนายสุรชัย เจียมวิจิตร อายุ 44ปี ลูกชายคุณตา เล่าว่าครอบครัวของอดีตภรรยาและลูกๆของตาเจื้อง ที่จะได้รับผลประโยชน์ เมื่อ ตา-ยาย เสียชีวิต ที่อาจจะเข้ามาขอแบ่งเงินจากการขายที่ดิน เมื่อไม่ได้ จึงทำร้ายร่างกาย แต่พลั้งมือทำให้เสียชีวิต จนนำไปสู่การขอหมายค้นจากศาลจังหวัดหลังสวนเข้าค้นบ้านอดีตภรรยาและลูกๆของตาเจื้อง ในฐานะ ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรมตา-ยาย ทั้งคู่ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 และผลการตรวจคันในวันดังกล่าว ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและสิ่งเกี่ยวข้องหรือ พยานหลักฐานในคดีแต่อย่างใด นั้น
จนกระทั่งวันนี้ ( 25 พฤษภาคม 2567) เจ้าหน้าที่ตำรวจจากตำรวจภูธร ภาค 8 ,ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร,และสถานีตำรวจภูธรหลังสวน จังหวัด ชุมพร ยังไม่ได้จับกุมผู้ต้องหา และปิดคดีฆาตกรรม นางสาวร้วน เจียมวิจิตร และนายเจื้อง เจียมวิจิตร ผู้เป็นพ่อและป้าของพวกเราได้ ประกอบกับ ข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีนี้ เงียบหายไปจากสำนักข่าวทุกสำนัก ทุกช่องทาง ทำให้พวกเรา ครอบครัวของอดีตภรรยาและลูกๆของตาเจื้อง ยังไม่หลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย และการเป็นจำเลยสังคมในคดีนี้ ทั้งๆที่พวก เราไม่ได้ทำผิดอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา แน่นอนว่าจากความปกติสุขที่เป็นอยู่ พวกเราต้องเดือดร้อนอย่างหนัก จากการอธิบายก็จะกลายเป็นคำ แก้ตัว ไม่มีแม้แต่คนที่รับฟัง มีแต่คนที่จ้องจับผิดและบีบให้พวกเรายอมรับในสิ่งที่พวกเราไม่ได้ทำ นักสืบโซเซียลผุดขึ้นมากมาย มีการคาดคะเนเรื่อง ราวต่าง ๆ ทั้งที่มีมูลเค้าความจริงเพียงนิดเดียว ที่แย่ยิ่งกว่านั้น คือ การใช้ความเห็นชักนำความคิดคนอื่น ๆ ไปจนสู่การพุ่งเป้า ป้ายสีทำให้เกิดแพะ
ของสังคมตามมา ทั้งคำด่าสาปแช่งหยาบคาย ที่พวกเราผู้ตกเป็นแพะได้รับ ทั้งที่ตามกระบวนการยังไม่มีการพิสูจน์จนพบความจริงที่ยืนยันอะไรได้ พวกเราจึงขอร้องเรียนผ่านมายัง ผู้สื่อข่าวทุกสำนัก ทุกช่องทาง ให้ช่วยนำเสนอข่าว ติดตามความคืบหน้าของคดี ตลอดจนช่วยคลี่คลายคดี อย่าปล่อยให้คดีนี้เงียบหายไปพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป และพวกเรา ขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบ ดังนี้ 1. เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพวกเราเรียบร้อยแล้ว ทั้งขอเก็บ DNA ไปตรวจสอบ,ตรวจเช็คTimeline +บันทึกการโทรเข้า-ออก + สัญญาณ
โทรศัพท์+กล้องวงจรปิด(บ้านลูกขายมีกล้องวงจรปิด,ปากซอยเข้า-ออกบ้านมีกล้องจรปิด,ในรถยนต์มีกล้องติดรถยนต์ทั้งกล้องหน้า+กล้องหลัง) ครอบครัวอดีตภรรยาและลูกทั้ง 2 ของตาเจื้อง ไม่ได้ไปบ้านตา-ยายมาประมาณ 4 ปี และเมื่อวันที่ 13-14 เมษายน 2567 ซึ่งตำรวจสันนิษฐานว่า เป็นวันที่ตา-ยายถูกฆาตกรรมนั้น พวกเรา 3 คนแม่ลูก ได้เดินทางไปเที่ยวตลาดนัดปากน้ำหลังสวน โดยออกจากบ้านประมาณ 11: 00 น. กลับถึงบ้าน ประมาณ 14:00 น. ซึ่งหลังจากกลับเข้าบ้านแล้ว พวกเราไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนอีกเลย (สามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางเข้า-ออกบริเวณ บ้านลูกชาย และเส้นทางเข้า-ออกบริเวณบ้านตา-ยายได้) #ทุกประเด็น ทุกข้อสงสัย พวกเรามีพยานวัตถุและพยานเอกสาร ที่สามารถตรวจสอบและ เชื่อถือได้มายืนยัน #ไม่ได้กล่าวอ้างลอยๆหรือมีแค่พยานบุคคลมาบอกเล่าแต่อย่างใด
2.พวกเราลูกๆทั้ง 2 ของตาเจื้อง ไม่เคยได้รับทรัพย์สินมรดกใดๆจากป้าและพ่อ (ที่ดินที่ญาติฝ้ายพ่ออ้างว่า พ่อยกให้ลูกชายนั้น ข้อเท็จจริงคือ ลูกชายซื้อจากป้า มีสัญญาซื้อขายชัดเจน สามารถตรวจสอบได้) และหลังจากนี้ พวกเราไม่ได้เป็นผู้รับมรดกที่ดินของป้าและพ่อ เนื่องจากทั้งป้าและ พ่อ ได้ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอหลังสวน ยกมรดกที่ดินให้แก่ นางอัมพร สุทิน ผู้เป็นหลาน แต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 (นางอัมพร (นามสมมุติ) เป็นหลานเพียงคนเดียวที่ผู้ตายทั้งคู่ไว้วางใจ ติดต่อพูดคุยและรู้เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ตายมาตลอด รวมทั้ง ก่อนตาย ผู้ตายทั้งคู่ยังต้องการขายบ้านและที่ดินที่เกิดเหตุ เพื่อจะไปอาศัยอยู่กับนางอัมพร(นามสมมุติ) ที่สุราษฎร์ธานี) # พวกเราทราบเรื่องของพินัยกรรมของ ผู้ตาย จาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อประมาณต้นเดือน พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา 3. พวกเรา อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนสอบสวนให้ครบทุกประเด็น และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะคดีนี้ อัตราโทษสูงถึงขั้นประหารชีวิต และขอสอบถามความคืบหน้าของคดี ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหน, ผลตรวจ DNA และลายนิ้วมือ จะออก ประมาณวันไหน รวมทั้งขอให้เร่งรัดคดี และติดตามผล DNA และลายนิ้วมือ เพราะเก็บ DNA และลายนิ้วมือไปตรวจสอบนานมากแล้ว สุดท้ายนี้ พวกเรา ขอฝากถึงทุกคนในสังคมไทยว่า ปัจจุบันโซเซียลมีเดีย มันรวดเร็วและไร้ซึ่งการกรอง กับความสะดวกที่ใครคิดอะไรก็สามารถ พิมพ์ลงไปได้ ซึ่งทำให้ขาดการยั้งคิดว่า คำหรือประโยคเหล่านั้นจะส่งผลอย่างไรต่อความคิดคนอื่น 1 หรือสังคม จึงควรพิจารณาความคิดของตนเอง ก่อนอย่างรอบคอบ เป็นผู้อ่านและผู้ติดตามที่ดีให้ได้ เพื่อสุดท้ายจะได้ไม่เกิดการใช้ความคิดที่ขาดการกรองเป็นคมมีดทำร้ายผู้อื่นเหมือนที่พวกเราได้รับจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ขอขอบคุณ "ครอบครัวอดีตภรรยาและลูกๆของตาเจื้อง
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น