ด้วยพระบารมี ชุมพรวันนี้สุขร่มเย็น
น้ำไม่ท่วมอีกเลย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเอก ธีรชัย นาควานิช องคมนตรี ติดตาม
เร่งรัด
ขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้ให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ราษฎร
วันจันทร์ที่ 22 มกราคม 2561 พลเอก ธีรชัย
นาควานิช องคมนตรี
ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคใต้
พร้อมคณะอนุกรรมการฯ ได้เดินทางไปยังจังหวัดชุมพร เพื่อติดตาม เร่งรัด
และขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร ตำบลบางลึก
อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร และโครงการฝายน้ำตกหินเขียวพร้อมระบบส่งน้ำ
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอท่าแซะ จังหวดชุมพร
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกระแสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงกระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์
และสนองพระราชปณิธานที่ทรงสืบสาน รักษา
ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้บังเกิดความยั่งยืน เกิดประโยชน์สูงสุดกับราษฎรอย่างทั่วถึงต่อไป
จากนั้นองคมนตรี พร้อมคณะฯ
เดินทางไปยังโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร ตามพระราชดำริ ตำบลบางลึก
อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน
และพบปะราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ พร้อมกับตรวจเยี่ยมการดำเนินงานประตูระบายน้ำ
ราชประชานุเคราะห์ 2 และประตูระบายน้ำหัววัง กม.8+015
โอกาสนี้ได้ปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียน และปลาบ้า จำนวน 200,000 ตัว
โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพรตามพระราชดำริ
เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยราษฎรในพื้นที่จังหวัดชุมพร
เมื่อครั้งเกิดอุทกภัยหนักเนื่องจากพายุโซนร้อนซีต้า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2540
และทรงทราบถึงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชาวชุมพรในอนาคตจึงได้พระราชทานพระราชดำริให้เร่งรัดขุดคลองหัววัง
– พนังตัก ที่ค้างอยู่ 1,460 เมตร
ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน โดยพระราชทานทุนทรัพย์จากมูลนิธิชัยพัฒนา จำนวน 18
ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างประตูระบายน้ำ 3 แห่ง
ซึ่งกรมชลประทานได้เร่งรัดดำเนินการจนแล้วเสร็จ และสามารถระบายน้ำได้ตั้งแต่วันที่
2 พฤศจิกายน 2540 ก่อนพายุลินดาเข้าเพียง 1 วัน
ทำให้ชาวชุมพรรอดพ้นจากอุทกภัยนับแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมาได้พระราชทานพระราชดำริ
ความว่า “...ให้หนองใหญ่เป็นแก้มลิงธรรมชาติเพื่อเป็นที่สำหรับรับน้ำจากคลองท่าแซะมาเก็บไว้ก่อนที่จะไหลลงสู่คลองท่าตะเภา
และเมื่อมีปริมาณมากก็จะค่อยๆ ระบายลงสู่คลองหัววัง – พนังตัก
เพื่อระบายออกสู่ทะเล
นอกจากนี้ยังใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งอีกด้วย...” และเมื่อวันที่
20 มิถุนายน 2541 ได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ (แก้มลิง)
พร้อมกับพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับงานชลประทานเพิ่มเติม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมกันดำเนินงานสนองพระราชดำริตามแผนงานโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพรตามพระราชดำริ
ปัจจุบันโครงการฯ
สามารถป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในเขตตัวเมืองชุมพรและพื้นที่ใกล้เคียงลดความเสียหายด้านเศรษฐกิจ
รวมทั้งยังเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำรองช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในฤดูแล้ง
และแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาเพื่อการอุปโภค บริโภค นอกจากนี้
ภายในบริเวณพื้นที่โครงการฯ ยังเป็นที่ตั้งของ “ศูนย์เรียนรู้โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ”
เพื่อเป็นศูนย์ต้นแบบถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ
และพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
ในการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง
อีกด้วย
จากนั้นช่วงบ่าย องคมนตรี และคณะฯ
ได้เดินทางไปยังโครงการฝายน้ำตกหินเขียวพร้อมระบบส่งน้ำ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร ทรงรับไว้เป็นโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
ขอพระราชทานโครงการก่อสร้างระบบประปาภูเขาคลองใหญ่หินเขียวเพื่อช่วยเหลือราษฎรบ้านสันกำแพง
หมู่ที่ 19 และบ้านสันกำแพง 1 หมู่ที่ 23 ตำบลรับร่อ
ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง
ต่อมาในปี 2552 กรมชลประทานจึงได้ดำเนินการก่อสร้างฝายทดน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก
ขนาดสันฝายสูง 3.00 เมตร ยาว 27.00 เมตร พร้อมอาคารประกอบ และระบบท่อส่งน้ำช่วงต้น
ความยาวประมาณ 2,645.00 เมตร โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงาน กปร.
ในปีแรก และในปี 2553 ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำ จำนวน 3 สาย ความยาวรวม
9,220.00 เมตร พร้อมอาคารประกอบ จำนวน 82 แห่ง และถังเก็บน้ำขนาด 100 ลูกบาศก์เมตร
จำนวน 3 แห่ง สามารถส่งน้ำสนับสนุนเพื่อการอุปโภคบริโภคของราษฎรบ้านสันกำแพง จำนวน
500 ครัวเรือน 2,500 คน และสามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรในฤดูแล้งประมาณ
2,500 ไร่ ช่วงฤดูฝนประมาณ 5,000 ไร่ ส่งผลให้ราษฎรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี
ทำให้สามารถทำการเกษตรได้มีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ราษฎรยังได้จัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำโดยใช้ชื่อ “กลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการฝายน้ำตกหินเขียวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ”
ขึ้น เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ปัจจุบันยังได้ก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำเพิ่มเติมความยาวประมาณ
4,800 เมตร พร้อมกับก่อสร้าง ถังเก็บน้ำ จำนวน 5 แห่ง
ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าประมาณร้อยละ 98 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม
2561 นี้ ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นประมาณ 500 คน
ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรของราษฎรประมาณ 500 ไร่
นอกจากนี้เกษตรกรยังได้ดำเนินการการขุดสระเก็บน้ำในพื้นที่แปลงเกษตรของตนเองเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำรองในช่วงฤดูแล้งอีกด้วย
ธนากร โกศลเมธี รายงาน / ชุมพร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น