ชุมพร – รถรั้วชนแล้วหนีสองผัวเมียเจ็บสาหัส ซ้ำหนักสุดรันทดไม่มีเงิน จะให้ลูกไปโรงเรียน
วันที่ 7 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสาวกิตติยา มากสวีอายุ 39 ปีที่อยู่ 4/2 หมู่ 1 ตำบล ครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ว่าได้เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า Wave สีน้ำเงินทะเบียน 1 กช 6324 ชุมพรพร้อมกับนายสายัณห์ ปิ่นทองอายุ 52 ปีผู้เป็นสามี ขับรถออกไปเพื่อจะไปรับลูกลูกที่โรงเรียนพอมาถึงถนนในหมู่บ้านหมู่ที่ตำบลครน อำอำเภอสวี จังหวัดชุมพร บริเวณสามแยกบ้านครูจวนได้มีรถกระบะสีขาวเป็นรถรั้วไม่ทราบหมายเลขทะเบียนวิ่ง ข้ามเลนมาชนมอเตอร์ไซค์ที่กำลังขับไปรับนักเรียนที่โรงเรียนจนทำให้บาดเจ็บตั้งแต่ช่วงสะโพกลงไปถึงขาหักหลายท่อนและทำให้นายสายัณห์ ปิ่นทอง หัวไหล่หักและแขนหักได้รับบัตรเจ็บสาหัสทั้งสองคน
วอนสื่อตนและสามีเป็นเสาหลักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและให้เด็กเด็กนักเรียนไปโรงเรียนแต่มาเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้จึงไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้อยากให้หน่วยงานช่วยเหลือให้ลูกลูกได้มีเงินไปโรงเรียนและได้ดูแลตนและสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสองคน
จากกรณี วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 15.47 น. ว่าที่ พันตำรวจตรี ชินวงค์ อินทร์ทอง ส.ว. (สอบสวน) สภ. สวีได้รับแจ้ง คณะปฏิบัติหน้าที่สอบสวนเวร รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ. สวี ว่าเกิดเหตุรถเฉี่ยวชน กัน รถได้รับความเสียหายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่ เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุ สามแยกครูจวน ถนนในหมู่บ้าน หมู่ 1 ตำบล ครน อำเภอ สวี จังหวัดชุมพรมื่อไปถึงพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ แซด สีน้ำเงินทะเบียน 1 กช 6324 ชุมพร ตรวจสอบ พบร่องรอยเฉี่ยวชนเสียหายผู้ขับรถและคนซ้อนท้ายได้รับบาดเจ็บมีรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลสวี ส่วนคู่กรณีไม่พบในที่เกิดเหตุได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุถ่ายภาพที่เกิดเหตุวาดภาพที่เกิดเหตุไว้แล้วนำรถจักรยานยนต์ดังกล่าวมาตรวจสอบสภาพตามระเบียบดูผู้ขับ รถจักรยานยนต์ที่โรงพยาบาลสวีทราบชื่อ ผู้ขับรถนายสายัณห์ ปิ่นทองอายุ 52 ปีที่อยู่ 4/2 หมู่ 1 ตำบล ครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพรคนซ้อนท้ายนางสาวกิตติยา มากสวี อายุ 39 ปีที่อยู่ 4/2 หมู่ 1 ตำบลควนอำเภอสวีจังหวัดชุมพรได้รับอันตรายแก่กายอยู่ระหว่างรักษาของแพทย์ไม่สามารถให้การได้จึงกลับมาลงประจำวันไว้เพื่อทำการสอบสวนต่อไป
ผู้สื่อข่าว เดินทางไป โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์เพื่อ พบนายสายัณห์ปิ่นทองและนางสาวกิตติยามากเสวีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส นางสาวกิตติยาเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนเป็นห่วงลูกลูกสองคนที่กำลังเรียนหนังสือมาเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้จึงไม่มีรายได้เพื่อจะส่งให้นักเรียนได้ไปโรงเรียนและดูแลเด็กเด็กในตอนนี้ได้ฝากให้นางอารี ปิ่นทอง ผู้เป็นย่า และนางสาวจรรยา ปิ่นทองเป็นอาดูแลเด็กเด็กและรับส่งนักเรียน ซึ่งเป็นห่วงการเล่าเรียนของเด็กเด็กที่จะไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะไม่มีรายได้ที่จะให้นักเรียนไปโรงเรียน วอนผู้ใจบุญ ช่วยค่าใช้จ่ายให้นักเรียนไปโรงเรียนช่วยได้ที่ ธนาคาร กรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.กิตติยา มากสวี บัญชีเลขที่ 823-0-22836-1
ส่วนนายสายัณห์ ปิ่นทองเล่าว่าตนได้ขับรถซ้อนภรรยาเพื่อที่จะออกไปโรงเรียน นาเหรี่ยง เพื่อที่จะไปรับเด็กชายกฤษกรปิ่นทองอายุเก้าปีอยู่ชั้น ป. 3 และได้มาเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้แขนหักหัวไหล่หักและยังมีกระดูกซี่โครงทิ่มปอดรอทางโรงพยาบาลจะดำเนินการผ่าตัดให้ในวันที่
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 4 ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพรเพื่อพบนางจรรยา ปิ่นทองผู้เป็นอาและได้สอบถามว่าเด็กเด็กได้อยู่ที่บ้านมีใครดูแลบ้างแจ้งว่าอยู่กับคุณย่าและตนโดยที่เด็กหญิง เอ อายุ 13 ปีเรียนอยู่ชั้น ม. 1 และเด็กชายบี อายุ 9 ปี เป็นนักเรียนชั้น ป. 3 ส่วนอาก็จะมาดูแลในช่วงที่ว่าพ่อแม่เค้าเกิดอุบัติเหตุเพื่อที่จะมาส่งเด็กเด็กไปโรงเรียนปกติแล้วก็จะเป็นพ่อแม่เขาที่พาลูกลูกไปโรงเรียนและหารายได้และในช่วงนี้ก็มาเกิดอุบัติเหตุคิดว่าคงจะลำบากเรื่องการไปโรงเรียนเพราะพี่ชายและพี่สะใภ้เค้าเป็นเสาหลักในการหาเงิน มาเลี้ยงครอบครัว
นางสาวจรรยา ปิ่นทอง ผู้เป็นอาเล่าว่าในวันที่เกิดเหตุมีมอเตอร์ไซค์ขับรถตามมาเห็นเหตุการณ์ขณะที่มีการเฉี่ยวชนแจ้งว่าพี่ชายได้ขับรถออกมาจากบ้านพอมาถึงสามแยกก็จะเลี้ยวซ้ายเพื่อที่จะไปโรงเรียนนาเรียงเพื่อรับลูกลูกแต่มีรถสวนเข้ามาจากทางสามแยกและข้ามเลนมาชนพี่ชายทำให้เกิดบาดเจ็บสาหัส สองคนและคนเห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่าเป็นรถกระบะโตโยต้า มีรั้วแบบเตี้ยอยู่บนกระบะ เป็นรถสี ขาวตอนเดียวได้เฉี่ยวชนกับมอเตอร์ไซค์แล้วหลบหนีไปเบื้องต้นไม่สามารถจดจำทะเบียนรถได้แต่ได้สอบถามชาวบ้านแถวนั้นทราบว่ารถคันดังกล่าวได้วิ่งอยู่ในบริเวณนี้เป็นประจำจึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อติดตามเจ้าของรถคันดังกล่าวมารับผิดชอบต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น